top of page

สร้างแบรนด์ตัวเอง ด้วยจุดเด่น และ จุดจำ

Updated: Jan 7, 2021

เล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ 🙅🏻‍♀️🙅🏻🙅🏼‍♀️

มันอยู่ที่คุณหา “จุดเด่น จุดจำ” ของคุณเจอไหม?

#เล่าเรื่องแบรนด์ กับ Eric ช่างทำผมผู้น่ารัก

จากเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย




...


#เล่าเรื่องแบรนด์ ตอนแรกวันนี้

เป็นเรื่องเล่าของ อิริค แฮร์เดรสเซอร์

หนุ่มช่างทำผม ชาวมาเลเซี่ยน

ที่เปิดร้านทำผมน่ารักๆ ที่เมืองเมลเบิร์น

ประเทศออสเตรเลีย


ร้านทำผมเล็กๆ ที่ไม่ธรรมดาแถมยังมีความพิเศษ

ที่พี่แนนซี่อดเก็บความประทับใจไว้คนเดียวไม่ไหว

เลยต้องนำมาเล่าสู่กันฟังใน

#เล่าเรื่องแบรนด์ ตอนแรกในวันนี้


...


พี่แนนซี่รู้จักกับร้านทำผมของอีริคโดยบังเอิญ

ผ่านทางเฟสบุ๊คกรุ๊ปขายของกรุ๊ปหนึ่ง

เริ่มแรก แอบไปสะดุดตา

กับโพสต์รูปภาพทรงผมแบบต่างๆ

ทั้งสีผมที่เค้าทำให้ลูกค้าหลายๆคน

และสไตล์การทำผมของเค้า


ดูเผินๆ ภาพผลงานจากร้านเค้า

ก็ดูเหมือนๆกับร้านทำผมทั่วไป

แต่สิ่งหนึ่งที่แอบเห็นคือ ทำไม?

ภาพลูกค้าที่เอามาลงแต่ละภาพ

มันถึงให้สเน่ห์ดึงดูดแบบน่าประหลาดใจ

มันไม่เหมือนกับรูปภาพลูกค้าตามร้านซาลอนใหญ่ๆ

ที่ตัวลูกค้าเองจะดูเกร็งๆอึดอัดๆ

แต่อันนี้ทุกคนดูรีแลกซ์ สบายๆ เหมือนถ่ายรูปเล่นกันเอง


...


ไปถึงร้าน เริ่มต้นก็ต้องประหลาดใจกันเลยทีเดียว

เพราะพี่แนนซี่ หาร้านทำผมของเค้าไม่เจอ!!!


หาไม่เจอจริงๆนะ ไม่ใช่มุข!

เหตุที่หาไม่เจอเพราะดูจากรูป

เข้าใจว่าร้านเค้าก็คงเหมือนซาลอน ร้านทำผมทั่วๆไป

แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เพราะเค้าทำบ้านตัวเอง

ให้กลายเป็นซาลอน ร้านผมน่ารักๆต่างหาก


...


♥️จากการที่เค้า เลือกที่จะ “เปิดบ้าน เป็นร้าน”


ซึ่งเอาจริงๆมันเป็นธรรมดาของคนเราทั่วไป

ที่เวลาไปบ้านคนอื่น ที่เราไม่รู้จัก

แว่บแรก...เรามักจะรู้สึกเขินๆ อึดอัด

ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่


แต่เชื่อไหม จากการต้อนรับอย่างอบอุ่นของเค้า

ก็ทำให้อาการอึดอัด เขินๆ หายไปในเวลาไม่ถึง 5 นาที

คือความเป็นกันเอง และบรรยากาศต่างๆ

มันช่วยเปลี่ยนอารมณ์ได้ดีมากๆ

เหมือนเรากำลังจะมาทำผมที่บ้านของเพื่อน

ของคนรู้จักของเราแทน


...


ความโปรเฟสชั่นนอลของเค้า

แอบทำพี่แนนซี่ทึ่งอยู่ไม่น้อย

มันเหมือนเราอยู่ๆก็เดินมาเจอ “โอเอซิส”

กลางทะเลทรายยังไงอย่างงั้น


อย่าหาว่าพี่แนนซี่เวอร์ไปเลยนะ

เพราะเอาจริงๆ ตั้งแต่อยู่ออสเตรเลียมาเกือบ 5 ปี

ร้านทำผม นี่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่

ของคนไทยในต่างประเทศเลยล่ะ


ให้ไปร้านฝรั่งเลย ไม่แพงเวอร์ไป ก็ทำผมไม่สวย

เพราะช่างทำผมฝรั่งน้อยคน จะเข้าใจสไตล์

และสภาพเส้นผมของคนเอเชี่ยน


หรือจะไปร้าน ญี่ปุ่น เกาหลี

โอ้โห้! รอคิวไปเหอะ คิวยาวววว ไปถึงโลกหน้า

จะให้รอจองทำผมร้านดังๆ ช่างดังๆที

ก็พิธีรีตองเยอะจนปวดใจ


การที่ได้มาเจอ อีริค มันเลยเป็นบิ๊กเซอร์ไพร์ส

โทรกิ๊กเดียว ถ้าคิวว่างก็มาได้เลย

ไม่ว่างก็นัดกันวันอื่นใหม่

ง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องเยอะ ไม่พิธีรีตองให้ปวดหัว

เรียกว่า อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า

ที่ไม่มีเวลาอย่างเราได้อย่างดีมาก

กับ “ร้านทำผมทางเลือก” ร้านนี้


ที่ใช้วิธีการที่แสนเรียบง่าย

แต่ตอบโจทย์ปัญหาลูกค้าอย่างพี่แนนซี่

ได้อย่างลงตัวที่สุด


...


อีริค คุยสนุกและน่ารักมากๆ

ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงเต็ม

ไม่มีเวลาไหนเลยที่นั่งเบื่อเลย

เค้าเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนเค้าเป็นช่างทำผม

ในร้านทำผมของฝรั่งที่นี่

แต่พอหลังๆ ก็เริ่มมาทำเองที่บ้าน

ทำไป ทำมา ลูกค้าติด เริ่มบอกต่อกันเยอะขึ้น

เลยตัดสินใจเปิดบ้านเป็นซาลอนเลยดีกว่า


เค้าเลือกจัดมุมเล็กๆในห้องนั่งเล่นแบบฝรั่ง

มุมทำผม ถูกจัดสรรการใช้งานได้อย่างน่ารักลงตัว

เตาผิง โซฟา สไตล์บ้านฝรั่งเบาๆ เปิดเพลงตามยุคสมัย

(เพลงดังในติ๊กต่อก ฟังละอยากลุกขึ้นเต้นตาม)


ระหว่างที่อยู่ที่ร้าน ก็ชวนเราดื่มเครื่องดื่ม

มีให้เลือกทั้งน้ำผลไม้ ชา กาแฟ

(ที่อีริคทำเอง เสริฟเองทุกขั้นตอน)

แถมยังแอบมีมุขตลกอีกว่า

ถ้าอยากดื่มไวน์ก็มีนะ แต่ต้องอยู่ดริ๊งค์ต่อ

หลังทำผมเสร็จ ถึงจะยอมเสริฟ!


...


กาแฟยกมาเสริฟ มาพร้อมกับชอคโกแลตชิ้นเล็กๆ

ตามที่เห็นในรูปนั่นแหละค่ะ

คือแค่กาแฟแก้วเดียว กับชอคโกแลตชิ้นเล็กๆ

มันก็แอบทำให้เราเห็นถึงความน่ารักและใส่ใจ

ที่เค้าตั้งใจทำให้ลูกค้าอย่างเรารู้สึกสบายใจ

และประทับใจ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน


เรียกว่า First Impression ความประทับใจเมื่อแรกเห็น

พี่แนนซี่ให้ 3 ผ่าน เลยสำหรับหนุ่มช่างทำผมคนนี้


...


จริงอยู่นะ ที่ซาลอนใหญ่ๆ

ก็มีบริการอะไรแบบนี้เหมือนกัน

มีชา กาแฟ น้ำดื่ม เสริฟให้

แต่ด้วยความน่ารัก และเป็นกันเองของเค้า

มันทำให้อารมณ์แตกต่างไปอย่าสิ้นเชิง


มันให้อารมณ์เหมือนเราไปทำผมที่บ้านเพื่อน

แต่บ้านเพื่อนแต่งแบบบูทีคน่ารักๆเก๋ๆ

ไม่ให้ความรู้สึกเกร็ง หรือต้องมานั่งลำคาน

ว่าจะโดนบิ้วให้ซื้อแพคเกจทำผม หรือแชมพู ครีมนวด

เหมือนตอนไปทำผมตามซาลอนใหญ่ๆสักนิด

จุดนี้เรียกว่า อีริค ทำได้ชนะขาดรอยเลยทีเดียว


...


ระหว่างการทำผม สิ่งที่สั่งเกตุได้อีกอย่างก็คือ

ผลิตภัณฑ์ที่เค้าใช้ ล้วนแต่เป็นของดีทุกอย่าง

แชมพูแบรนด์เกรดดี เหมือนซาลอนใหญ่ๆใช้

แต่ไม่มีมาบิ้วขาย ให้เราต้องอึดอัด

แต่ในทางกลับกัน เราเองกลับรู้สึกดี

จนเอ่ยปากถามถึงสินค้า และอยากขอซื้อจากเค้าเอง


♥️แบบนี้มันคือ การขาย แบบ ไม่ขาย อย่างแท้จริง!


..............................


เอาจริงๆทำผมไป คิดอะไรไปได้เลยหลายอย่าง

เลยอยากจะแชร์ให้เจ้าของแบรนด์เล็กๆ

ที่กำลังปั้นแบรนด์อยู่ แล้วแอบกังวล

ว่าเราจะไปสู้กับแบรนด์ใหญ่ๆได้ยังไง?

ลองมาดูสิ่งที่อีริคทำ แล้วพี่แนนซี่คิดว่า

เค้าชนะขาดลอยตั้งแต่ยังไม่เริ่มขึ้นชกเลยล่ะ


..............................


▪️สิ่งแรก : ทำสิ่งที่มีอยู่ให้ดีที่สุด▪️


สิ่งที่อีริคทำ คล้ายกับที่พี่แนนซี่เคย Consult

ให้กับเจ้าของธุรกิจความสวยความงามเจ้าหนึ่ง


เจ้าของกิจการท่านนี้ แอบมีความกังวล

ว่าเจ้าของธุรกิจตัวเล็กๆอย่างเค้า

ที่เปิดบ้านเป็นร้านเสริมความงาม

จะไปสู้กับร้านใหญ่ๆ ที่เปิดในห้าง

หรือตกแต่งร้าน สุดอลังการหรูหราได้อย่างไร?


เอาจริงๆ มันไม่ได้ชนะกันที่ขนาด

หรือการตกแต่งหรูหราหรอกค่ะ

มันยังมีจุดอื่นๆอีกตั้งเยอะ

ที่คุณจะหยิบมาสู้กับแบรนด์ใหญ่ๆได้


การที่คุณ “เล็ก” แต่เล็กอย่างมีสไตล์และคุณภาพ

แบบนี้สิ จะขนาดไหน คุณก็เอาไปสู้กับคู่แข่งของคุณ

ได้อย่างสบายๆ


ไม่ต้องไปมองหาสิ่งอื่นไกลตัว

แต่ให้บริหารสิ่งที่มีอยู่แล้ว รอบๆตัว ให้ดีที่สุด

นี่ล่ะ คีย์สำคัญที่ อีริค เจ้าของร้านทำผมในบ้าน

สุดเก๋เจ้านี้ใช้ เห็นได้เลยว่า เค้าชนะใจพี่แนนซี่

และลูกค้าหลายๆท่านมากกว่าซาลอนใหญ่ๆ

ได้มากขนาดไหน?


...


▪️สิ่งที่สอง : USP = Unique Selling Point ▪️

“จุดเด่น จุดจำ จุดขาย” ที่ไม่มีใครเหมือน

และไม่มีใครลอกเลียนแบบได้


♥️จุดแรก คืออีริคเลือกที่จะสร้างจุดเด่น

กับร้านของเค้าด้วยการทำบ้าน

ให้กลายเป็น บูทีค ซาลอน น่ารักๆ


อารมณ์และบรรยากาศเเหมือนไปบ้านเพื่อน

มากกว่าการไปร้านทำผมทั่วๆไป

ทั้งการตกแต่ง การต้อนรับ บรรยากาศ

ทุกสิ่งทุกอย่างมันลงตัว และมีจุดเด่น

ให้น่าจดจำเต็มไปหมด


♥️จุดที่สองที่เป็นจุดเด่น จุดจำ ของร้านเค้า นั่นก็คือ

การสร้าง Personal Branding

หรือการที่เค้าสร้างตัวเองเป็นแบรนด์นั่นเอง


ด้วยความน่ารัก เป็นกันเอง

และสไตล์การดูแลลูกค้าที่น่าประทับใจ

บวกกับความเป็นโปรเฟสชั่นนอลในสิ่งที่เค้าทำ

ที่ช่วยเสริมการสร้าง Personal Branding

ให้กับตัวของเค้าเองอย่างไม่ยาก


...


▪️ สิ่งที่สาม : การตลาด 0 บาท▪️


อีริคเลือกใช้การโปรโมทตัวเอง

ผ่านการสร้างแบรนด์ออนไลน์

โดยใช้การทำมาร์เกตติ้งด้วยวิธีอันแสนเรียบง่าย

ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียที่เราคุ้นเคย


ทั้งเฟสบุ๊ค อินสตาแกรม และติ๊กต่อก


โพสต์ของเค้าก็ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน

เน้นโชว์ “ผลลัพธ์” ที่น่าประทับใจจากลูกค้า

ภาษาที่ใช้ ก็สื่อสารง่ายๆ ตรงไป ตรงมา

ไม่ประดิษฐ์มากไป ไม่ปรุงแต่งจนสละสลวย

แต่ชวนงง แบบหลายๆแบรนด์ชอบใช้กัน


♥️สื่อสารแบบตรงๆ ง่ายๆ

ลูกค้าเห็นปุ๊บรู้เลยว่าเค้าจะขายอะไร

“เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ทรงพลังสุดๆ”


...


▪️สิ่งที่ สี่ : พลังแห่งการบอกต่อ▪️


พี่แนนซี่มั่นใจเลยว่า 100 ทั้ง 100

ใครที่ได้มาทำผมร้านเค้า

มักจะได้ความประทับใจกลับไปเสมอ

เพราะเท่าที่ตามอ่านจากคอมเม้นของลูกค้าหลายๆคน

ที่พร้อมใจกันมารีวิวให้กับเค้า

ทุกคนล้วนประทับใจทั้งสิ้น


♥️คีย์ในยุคนี้เลยนะคะ ลูกค้าหลายๆคน

ตัดสินใจซื้อของจากรีวิว จากคอมเม้นของลูกค้าด้วยกัน

แถมลูกค้าแต่ละคน ยังแทคเพื่อน

ให้มาทำผมร้านอีริคอีกต่างห่าง


พลังของการบอกต่อ จึงทรงพลังมากๆ

มันยิ่งกว่าการลงทุนไปยิงแอดหลายแสนบาท

แต่ต้องมานั่งลุ้นว่าคุณจะได้ลูกค้ากลับมาไหม???


♥️เพราะฉะนั้นทำอะไรก็ตาม

จงเซอร์วิส และบริการอย่างสุดหัวใจ

ลูกค้าประทับใจ กล้าบอกแบรนด์เราต่อ

คุณจะไม่ต้องเสียค่าโฆษณาแพงๆอีกต่อไปค่ะ


...


▪️สิ่งที่ ห้า : การขายแบบไม่ขาย▪️


คนเรา ไม่ชอบการถูกขาย การบังคับ การยัดเยียด

เรามักจะตัดสินใจซื้อสินค้าเอง

ถ้าเราประทับใจ หรือมีแรงบิ้วให้เราอยากได้

หรือเห็นความสำคัญของสินค้านั้นๆมากพอ “ด้วยตัวเอง”


อีริค อาจจะไม่รู้ตัว ว่าเค้าใช้วิธีนี้อยู่

แต่ตลอด 2 ชั่วโมงที่นั่งทำผมกับเค้า

ไม่มีเลยสักนาที ที่เค้าจะขายของกับพี่แนนซี่


♥️ไม่มีการแนะนำโปรดักส์ราคาแพง

ไม่มีการแนะนำแพคเกจให้เราต้องอึดอัด


กลับกัน เค้ากลับเล่าถึงผลิตภัณฑ์ที่เค้าใช้

ประโยชน์ที่เราจะได้รับ ฟังเพลินๆ รู้ตัวอีกที

ก็แอบอยากได้สินค้าที่เค้าพูดถึงแบบไม่รู้ตัวซะแล้ว


♥️การขายแบบนี้ เรียกว่าถ้าจี้จุด จี้ใจเราได้

ต่อให้ไม่ขาย มีล้าน ก็หมดล้าน กันล่ะค่ะ งานนี้


...


▪️สิ่งที่ หก : เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน▪️


หลายๆคนพยายามทำแบรนด์ให้ดูซับซ้อน

เพิ่มความโปรเฟสชั่นนอล

(แต่กลับไปเพิ่มความยุ่งยากให้ลูกค้าแทน)


ร้านของอีริค เน้นความเรียบง่าย

ทั้งขั้นตอนการจอง การบริการ การโปรโมทของร้าน

คือทุกอย่างมันสมู้ท มันเรียบง่ายไปหมด

จนเรารู้สึกว่า เออนะ บางทีการที่เราไปเจอร้านใหญ่ๆ

ที่ใส่ลูกเล่น แฟนซี เยอะๆวุ่นวาย

กว่าจะจองได้บางครั้ง ต้องกดผ่านเว็บไซต์สองสามหน้า

ต้องใส่ข้อมูล เยอะแยะ ยุบยิบไปหมด

จนบางครั้งก็แอบขี้เกียจ ถอดใจไปร้านอื่นซะอย่างงั้น


♥️“ยิ่งยุ่งยาก คนยิ่งหนี”

คีย์ข้อนี้ แบรนด์หลายๆแบรนด์

ต้องท่องกันไว้ให้ขึ้นใจกันเลยทีเดียว


......................................................


#แชร์เก็บไว้อ่านกันนะคะ

คีย์ดีๆจากแบรนด์นี้แอบมีเยอะเลย


และนี่คือ #เล่าเรื่องแบรนด์

กับความประทับใจ ที่แอบไปเห็นมาจากแบรนด์เล็กๆ

ที่เอาชนะใจลูกค้า สู้กับแบรนด์ใหญ่ๆได้อย่างสบายๆ


หวังว่าจะเป็นประโยชน์

กับเจ้าของแบรนด์ เล็ก แบรนด์ใหญ่ทุกท่าน

ลองนำไปปรับใช้กันกับแบรนด์ที่คุณกำลังปั้นอยู่นะคะ


......................................................


#เล่าเรื่องแบรนด์


และเหมือนเดิมค่ะ

อย่าลืมติดตามทุกๆช่องทางของเรากันไว้ด้วยนะคะ

ติดตามกันได้จากทางนี้เลย


▪️Follow me at : ติดตามกันได้ที่ ▪️

▪️Facebook ▪️ THE BRANDING ACADEMY

▪️Youtube Channel ▪️THE BRANDING ACADEMY

▪️Instagram ▪️thebranding_academy

▪️Website ▪️www.thebranding-academy.com

bottom of page